แกงเร่วป่า (ตำรับนี้รับประทานได้ประมาณ 5 คน)

 

Template 01
Template 01
Template 01

      “แกงเร่วป่า” เร่วหอม ใช้ ราก ซึ่งมีกลิ่นหอมเป็นเครื่องเทศปรุงน้ำก๋วยเตี๋ยว แกงเลียง แกงป่า ผัดเผ็ด และน้ำต้มเนื้อ เหง้ามีกลิ่นหอมและมีน้ำมันหอมระเหยเป็นองค์ประกอบ รับประทานสดหรือใช้ต้มน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว

      เร่วป่า ฤดูเก็บเกี่ยว คือช่วงปลายฤดูร้อน ประมาณเดือนมีนาคมถึงต้นฤดูฝนเดือนพฤษภาคม ส่วนที่นำมาบริโภคคือลำต้นด้านใน หัว และยอดอ่อน ได้แก่ แกงเผ็ด แกงป่า เป็นต้น มีคุณค่าทางโภชนาการได้แก่ ใยอาหาร และโปตัสเซียม มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพโดยรวม และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างต่ำ

คุณค่าอาหารทางโภชนาการ

       แกงเร่วป่า วัตถุดิบที่สำคัญที่ใช้คือ เร่วป่า “เร่ว” เป็นพืชในตระกูลเดียวกับขิง หรือข่า มีหัวอยู่ใต้ดิน ส่วนที่เราจะนำมาใช้บริโภคหรือทำเป็นอาหาร คือตัวลำต้นอ่อน ที่โผล่ พ้นดินขึ้นมา ซึ่งก็คล้ายๆ กับต้นข่า ในหลายภูมิภาค นิยมนำเอาต้นข่าอ่อนมาทำอาหารกินกัน เพราะฉะนั้น ทางภาคตะวันตก นอกจากจะใช้หัวเร่วแล้ว เขาก็ยังใช้ต้นอ่อนมาทำอาหาร

      แกงเร่วป่า อาจจะไม่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการมากนัก แต่มีประโยชน์คือ มีใยอาหารค่อนข้างดี ไม่ใช่สารอาหาร แต่เป็นสิ่งที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับ ซึ่งในข้อกำหนดสารอาหารนี้แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทยคือ ควรบริโภคผักอย่างน้อย วันละ 400 กรัม ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ในผักและผลไม้มีใยอาหาร ใยอาหารจะเข้าไปช่วยในเรื่องของการทำความสะอาดของทางเดินอาหารช่วยให้ระบบขับถ่ายของเราเป็นปกติ ซึ่งก็จะส่งผลให้ไม่มีสารพิษตกค้าง จึงเป็นข้อดีของการบริโภคผัก ส่วนในเรื่องของการทำแกงป่า ท่านที่รู้จักก็จะทราบว่า แกงเร่วป่า เป็นแกงที่มีรสชาติจัดจ้านแล้วก็มีเครื่องแกงที่หลากหลาย เช่น มีทั้งพริกชี้ฟ้า หอมแดง ตะไคร้ กระเทียม พริก พริกพราน ผิวมะกรูด ข่า และที่สำคัญก็มีกะปิใส่เข้าไปด้วย ซึ่งกะปิ ก็จะเป็นกะปิมอญ เอกลักษณ์ของภาคตะวันตก นอกจากนี้ก็จะมี ดอกเทียน ซึ่งดอกเทียนของภาคตะวันตก กับภาคเหนือ จะมีลักษณะคล้ายๆ กัน ก็คือใส่ดอกเทียนเพื่อให้ความหอมในการทำอาหาร ดอกเทียนนิยมใช้ใน แกงป่าและลาบ ดอกเทียนนับเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง จึงเห็นได้ว่า ในเรื่องของความหลากหลายของเครื่องเทศและสมุนไพรที่ใส่ลงไปนั้น จะเป็นตัวที่ทำให้รสชาติในอาหารดี มีกลิ่นหอม นอกจากนั้นในเครื่องเทศก็จะมี สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพบางอย่าง ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างที่เราทราบกันทั่วไป พืชผักสมุนไพรนอกจากจะให้คุณค่าทางโภชนาการแล้ว ก็ยังให้สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ซึ่งในหลายๆ ภูมิภาค ก็เอายาสมุนไพรมาเป็นยารักษาโรคด้วย เพราะฉะนั้นการรับประทานอาหาร ลักษณะที่เป็นพืชสมุนไพร หรือเป็นพืชพื้นบ้านก็ตาม นอกจากจะให้รสชาติที่ดี มีสุขภาพที่ดีแล้ว ก็ยังเป็นการช่วยให้เรากินอาหารที่หลากหลาย เพราะว่าการเอาผักพืชบ้านมาทำอาหาร ช่วยให้เรา หมุนเวียน เปลี่ยนชนิดของผักที่รับประทาน ซึ่งแตกต่างจากคนในเมืองที่บริโภคผักไม่กี่ชนิด นับเป็นการบริโภคที่ซ้ำซาก ซึ่งจะไม่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนั้น พืชผักพื้นบ้านจะไม่มีสารเคมีต่างๆ เข้ามาปนเปื้อน สารเคมีก็จะเป็นอันตรายแล้วอาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ เพราะฉะนั้นจึงอยากรณรงค์ให้ทุกท่านบริโภคผักพื้นบ้านต่างๆ ให้มากขึ้น

ส่วนประกอบเครื่องปรุงแกง
วิธีทำเครื่องแกง
- พริกขี้ฟ้าแห้ง 5 เม็ด
- หอมแดง 4 หัว
- ตะไคร้ซอย 1/3 ถ้วยตวง
- กระเทียม ¼ ถ้วยตวง
- ดอกเทียน 1 ช้อนชา
- พริกพราน 1 ช้อนชา
- ผิวมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ
- ข่าแก่ (หั่นแว่น) ¼ ถ้วยตวง
- กะปิมอญ ¼ ถ้วยตวง
     
ส่วนประกอบเครื่องปรุง
- เร่วป่า 2 ถ้วยตวง
- ปลากดสด (หั่นชิ้น) 2 ถ้วยตวง
- พริกชี้ฟ้า หั่นแฉลบ ½ ถ้วยตวง
- ใบกะเพรา ¼ ถ้วยตวง
- ใบมะกรูด ¼ ถ้วยตวง
- น้ำ 11/3 ถ้วยตวง
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
1.
นำตระไคร้ซอย หัวหอม พริกชี้ฟ้าแห้ง พริกพราน ผิวมะกรูด กระเทียม ข่า และกะปิมอญมาโขลกให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยพักไว้
 
วิธีทำแกงเร่วป่า
1. นำกระทะตั้งไฟ ใส่พริกแกงคั่วให้หอม
2. จากนั้นใส่น้ำลงไป ตั้งไฟให้เดือด (เพื่อที่เวลาใส่ปลาลงไปจะได้ไม่คาว)
3. ใส่เนื้อปลากดลงไป โดยห้ามคนเพื่อที่จะไม่ให้คาว ปิดฝากระทะทิ้งไว้ รอจนเดือด
4. พอปลาสุกแล้วใส่เร่วลงไป คนให้เข้ากัน ปิดฝากระทะ
5. ตั้งทิ้งไว้จนเดือดอีกครั้งพอจนเร่วสุก จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา
6. ใส่ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้าหั่น และใบกะเพรา คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
   
   
ข้อมูลคุณค่าโภชนาการโดย...ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศรี เจริญเกียรติกุล
วิทยากรการปรุงอาหาร...นงนุช จันทร์ยอง
โครงการเผยแพร่และอนุรักษ์อาหารไทยผ่านเว็บไซต์สถาบันโภชนาการ
Go to Top